All About Curtains แต่งบ้านสวยด้วย " ผ้าม่าน "

ม่านไม่ใช่แค่กันแสง กันแดด หรือบังสายตาเท่านั้น แต่ถือเป็นส่วนประกอบสำคัญของการตกแต่งบ้าน ม่านที่ดีต้องดูกลมกลืนและโดดเด่นในเวลาเดียวกัน ที่สำคัญต้องเข้ากันได้กับประตูและหน้าต่างอีกด้วย ฉะนั้นการเลือก ผ้าม่าน ให้เข้ากับบ้านหรือห้องจึงเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ควรรู้

ชนิดของผ้า
ผ้าไหม เนื้อผ้ามีความเงา ทำให้ดูหรูหราแต่มีราคาสูง หรือใช้เป็นผ้าไหมเทียมซึ่งมีสีสันเงางามไม่แตกต่างกัน แต่ราคาย่อมเยาว์และทำความสะอาดง่ายกว่าเพราะไม่เก็บฝุ่น


ผ้าโปร่ง เนื้อผ้าบางเบาโปร่งตา ใช้กับห้องที่ต้องการให้ แสงแดดส่องผ่าน และอยากลดทอนความแข็งของห้องลง โดยเติมความพลิ้วไหวของผ้าเข้าไป โดยนำผ้าโปร่ง ติดด้านหลังม่านทึบอีกชั้น


ผ้าพีวีซี เป็นผ้าฝ้ายทอแล้วเคลือบด้วยไวนิล เพื่อให้มีคุณสมบัติกันน้ำ ทำความสะอาดง่ายโดยใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดได้เลย


ผ้าปักลาย คือ ผ้าเนื้อหนาที่มีลายปักนูนขึ้นมา เนื้อค่อนข้างหนา เมื่อใช้อาจดูหนักแต่กันแสงได้ดี


ผ้าฝ้าย เนื้อผ้าทอจากเส้นใยธรรมชาติ ใช้ทำม่านจับจีบสวยแต่ยับง่าย เป็นผ้าที่ระบายความร้อนได้ดีมีความเหนียวนุ่มทนทานเหมาะกับสภาพอากาศบ้านเรา


รูปแบบผ้าม่าน

1. ม่านจับจีบ เป็นม่านมาตรฐานใช้ได้กับห้องทั่วไป หากต้องการความเรียบร้อยให้ทำรางม่านซ่อนบนฝ้าเพดาน จุดเด่นของม่าน จับจีบอยู่ที่การเลือกลวดลายและสีผ้าให้เข้ากับห้อง

2. ม่านห่วงตาไก่ จุดเด่นคือ ลักษณะของผ้าม่านเป็นลอนใหญ่และโชว์รางม่านชัดเจน สามารถเลือกรูปแบบหัวรางและรางม่านได้หลากหลายให้เข้ากับห้อง ใช้ได้ทั้งผ้าที่มีความหนาและโปร่ง

3. ม่านแบบครึ่งหน้าต่าง ให้ความรู้สึกสบายๆชิลๆ เหมือนนั่งเล่นอยู่ริมทะเล ม่านแบบนี้มักปรากฏอยู่ตามร้านกาแฟในเมืองฝรั่งเลยได้ชื่อว่า café curtain


4. ม่านม้วน เหมาะกับห้องที่มีช่องเปิดขนาดใหญ่ เพราะม่านสามารถม้วนเก็บได้เรียบร้อย การเปิด – ปิดมีทั้งแบบใช้เชือกและโซ่ดึงระบบสปริง เมื่อดึงแล้วม่านจะเลื่อนได้เอง หรือใช้ระบบมอเตอร์ไฟฟ้าควบคุมด้วยรีโมทก็มี

5. ม่านพับ เนื้อผ้าที่ใช้ควรมีน้ำหนัก มีความหนาและเนื้อผ้าแข็งสักหน่อย เช่น ผ้าฝ้ายเนื้อหนาเพื่อสร้างรอยพับ ที่สวยงาม

6. มู่ลี่ ทำจากวัสดุหลายอย่าง เช่น ไม้ ไม้ไผ่ อะลูมิเนียม มีจุดเด่นที่สามารถควบคุมความเข้มของแสงได้ดี หากเป็นไม้จะดูอบอุ่น ส่วนอะลูมิเนียมจะดูโมเดิร์นมีข้อเสียตรงที่ค่อนข้างเก็บฝุ่น

อุปกรณ์ม่าน

• ราวม่านหรือรางม่าน ทำจากวัสดุหลายอย่าง เช่น ไม้ ทองเหลือง สเตนเลส ที่ปลายทั้งสองข้างจะมีหัวม่านเป็นตัวจบรูปแบบต่างๆ เลือกได้ตามความพอใจ เหมาะกับม่านที่ใช้ห่วงคล้อง เช่น ม่านตาไก่
• ตาไก่ เป็นห่วงกลมๆ เย็บติดกับด้านบนของขอบม่านเพื่อคล้องเข้ากับราวม่าน อย่าลืมเลือกขนาดห่วงให้พอดีกับราว
• ห่วงพร้อมตัวหนีบเหมาะกับผ้าม่านเบาๆ เช่น ผ้าโปร่งหรือผ้าลูกไม้ไม่ต้องเสียเวลาเย็บม่านให้ยุ่งยาก สามารถใช้ตัวหนีบ หนีบไว้กับผ้าได้เลย
• ตะขอรวบม่าน ใช้รวบเก็บผ้าม่านทำจากทองเหลืองหรือสเตนเลส เชือก ใช้สำหรับผูกรวบผ้าม่าน
• รางม่าน ใช้ติดกับผนังหรือบนเพดานเพื่อนำม่านไปแขวนกับตะขอที่ซ่อนอยู่ในราง ใช้กับม่านประเภทม่านพับ ม่านม้วน ม่านจับจีบ เป็นต้น

การดูแลผ้าม่าน

• การดูแลรักษาผ้าม่านทั่วไป ต้องคอยปัดหรือดูดฝุ่นอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะบริเวณรอยจีบและซอกมุมต่างๆ
• ถอดผ้าม่านออกมาซักทุกๆ 3 เดือน ผ้าเนื้อหนาบางชนิดสามารถซักน้ำได้ ผ้าโปร่งควรซักด้วยมือเท่านั้น ส่วนผ้าไหมต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ถ้าเป็นไปได้ควรส่งร้านที่รับทำความสะอาด โดยตรง
• อย่าลืมถอดอุปกรณ์ที่ติดอยู่กับผ้าม่าน ออกก่อนนำไปซัก เช่น ห่วงตาไก่ โซ่ถ่วงชายผ้าม่าน เป็นต้น
• ระวังเรื่องการยืดหดของผ้าหลังซัก ทางที่ดีควรสอบถามจากร้านขายผ้า

Tips

• หากยังลังเลเลือกผ้าม่านไม่ถูก แนะนำให้เลือกสีโทนเดียวกับ สีเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหลักของห้อง
• หากชอบผ้าที่มีลวดลาย ให้เลือกผ้าที่มีสีใดสีหนึ่งของลาย สอดคล้องกับสีภายในห้อง จะช่วยให้เข้ากันได้ง่ายขึ้น
• ถ้าต้องการให้ห้องดูกว้าง สบายตา ควรเลือกโทนผ้าสีใกล้เคียงกับสีผนัง จะทำให้ดูกลมกลืน
• ถ้าห้องนั้นขาดจุดเด่นและเรียบ เกินไป การใช้ผ้าม่านที่มีลวดลาย หรือสีสด ก็เพิ่มรายละเอียด ให้น่ามองและเด่นขึ้น
• ภายในห้องเดียวกัน ไม่ควรใช้ม่านเกิน 2 รูปแบบ และม่านที่เป็นวัสดุเดียวกัน ควรใช้สีและลายเหมือนกัน จะไม่ดูลายตาเกินไป

ขอบคุณข้อมูล นิตยสาร room / บ้านและสวน